โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

                                                                                                                                                                                                                                                                                          นายแพทย์นพวุฒิ  กีรติกรณ์สุภัค

เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าท่านเป็นโรคตับแข็งสิ่งแรกควรถามแพทย์ผู้ดูแลว่าสาเหตุของตับแข็ง เกิดจากอะไร?   และความรุนแรงของตับแข็งอยู่ในระยะใดแล้ว

สาเหตุของโรคตับแข็ง

ตับแข็งเกิดได้หลายสาเหตุด้วยกัน  ที่พบบ่อยในบ้านเราก็คือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี   การดื่มแอลกอฮอล์  และภาวะไขมันสะสมในตับ  หากตรวจพบ  และรักษาที่ต้นเหตุจะช่วยชะลอการเสื่อมของตับ  และทำให้การทำงานของตับดีขึ้นได้

ความรุนแรงของโรคตับแข็ง

โรคตับแข็งแบ่งได้เป็นสามระยะ คือระยะที่หนึ่ง  สองและสาม ในระยะที่หนึ่งจะมีการทำงานของตับผิดปกติเพียงเล็กน้อย  ตั้งแต่ระยะที่สองขึ้นไปผู้ป่วยจะเริ่มมีตัวเหลือง  ตาเหลือง อาจมีน้ำในช่องท้องหรือเรียกว่าท้องมาน  มีอาการซึม  หรือสับสน  ความจำ  หรือความคิดอ่านช้าลง  ในระยะนี้เมื่อตรวจค่าการทำงานของตับจะพบค่าอัลบูมิน (albumin)   ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่สร้างจากตับมีค่าต่ำลงกว่าปกติ

การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคตับแข็ง การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคตับแข็งมีดังนี้ :-

1. อาหาร             

โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคตับแข็งสามารถทานอาหารได้ทุกชนิด  โดยเน้นว่าจะต้องเป็น อาหารที่สุกและสะอาด  อาหารที่มีไขมันก็สามารถทานได้ หากเมื่อทานแล้วไม่รู้สึกอืดท้อง   โปรตีนคุณภาพดีที่ราคาถูก  และย่อยง่ายคือไข่  ผู้ที่บวมหรือมีอัลบูมินในเลือดต่ำแนะนำให้ทานไข่ขาวอย่างน้อยวันละ 2-3 ฟองขึ้นไป ส่วนไข่แดงสามารถทานได้วันละ 1-2 ฟอง  หากไม่มีระดับไขมันในเลือดสูงมาก  อาหารโปรตีนชนิดอื่นที่คุณภาพดี  และย่อยง่ายคือเนื้อปลา  นม  และน้ำเต้าหู้ อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผู้ป่วยมีอาการสับสน  หรือซึมควรลดอาหารโปรตีนชั่วคราวก่อนจนกว่าผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้น นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคตับแข็งที่มีน้ำในช่องท้องมากควรลดอาหารที่มีรสเค็ม                                 

2. ยา

ควรรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง หากไม่สบายไม่ควรซื้อยารับประทานเอง ควรไปพบแพทย์ และแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยว่าป่วยเป็นโรคตับแข็งอยู่ เนื่องจากแพทย์จะได้หลีกเลี่ยงยาที่มีพิษต่อตับ  ส่วนยาพาราเซตามอล  สำหรับแก้ปวดลดไข้สามารถใช้ได้บ้างเท่าที่จำเป็นแต่ไม่ควรเกินวันละ 4 เม็ด  ส่วนยาชุดแก้ปวดต้องหลีกเลี่ยงเพราะนอกจากจะทำให้บวมแล้วยังทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ  และไตวายได้ด้วย

3. แอลกอฮอล์

ผู้ป่วยโรคตับแข็งควรงดดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด  ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของตับดีขึ้นและยังช่วยป้องกันไม่ให้การอักเสบในตับกำเริบได้อีกด้วย                 

4. สมุนไพร  และอาหารเสริม

ควรหลีกเลี่ยงสมุนไพรทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นยาชุด ยาหม้อ ยาต้ม ยาลูกกลอน รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทุกรูปแบบทั้งแบบเม็ด  ผง  และน้ำ หากไม่แน่ใจว่าสามารถรับประทานได้หรือไม่  ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานทุกครั้ง

5. การออกกำลังกาย

ผู้ป่วยโรคตับแข็งระยะที่หนึ่งสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ  ส่วนระยะที่สอง  และสามควรออกกำลังกายเบาๆ  เช่น  เดิน  รำไทเก็ก  หรือมวยจีน  กระบี่กระบอง  ซึ่งจะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิต  ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

6. การขับถ่ายอุจจาระ

การขับถ่ายอุจจาระให้ได้ทุกวันเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับผู้ป่วยโรคตับแข็ง เนื่องจากภาวะท้องผูกจะทำให้มีของเสียคั่งค้างในร่างกาย  และกระตุ้นให้เกิดอาการซึม  หรือสับสนได้ โดยทั่วไปแพทย์มักให้ยาระบายแก่ผู้ป่วยซึ่งผู้ป่วยสามารถปรับขนาดยาเองได้เพื่อให้ถ่ายอุจจาระให้ได้วันละ 1-3 ครั้ง

7. ตรวจตามนัด

ควรมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามผลการรักษาอย่างถูกต้อง  และปลอดภัยจากแพทย์ แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้  ควรรีบมาพบแพทย์ทันที

         *  อาเจียนเป็นเลือด   

         * ถ่ายดำ  

         * มีไข้                       

         * ตัวเหลือง  ตาเหลืองมากขึ้น

         * ปวดท้อง อึดอัดแน่นท้อง  

         * ท้องโตขึ้นรวดเร็ว

         * มีอาการซึม  หรือสับสน 

 

        …………………………………………….