- April 28, 2022
- somdej_admin
- Comment: 0
- อาหารและยา
นายแพทย์ไตรรงค์ โตสุขุมวงศ์
แผลเป็นนั้นมีหลายรูปแบบ แต่แผลเป็นที่ถือว่าผิดปกตินั้นจะแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
1. ลักษณะแผลเป็นที่โตนูน และแผลเป็นที่โตนูนก็จะมี 2 แบบ คือ
1.1 แผลเป็นนูนเกิน เป็นแผลที่โตนูนแต่ไม่เกินขอบเขตแผลเดิมใน ระยะแรกจะมีลักษณะนูน แดง คัน
1.2 แผลเป็นคีลอยด์ เป็นแผลเป็นที่โตนูน และขยายใหญ่เกินขอบเขตของแผลเดิมไปมาก
2. ลักษณะแผลเป็นที่ลึกบุ๋มลงไป จะมีลักษณะเป็นร่อง หรือรูบุ๋มลึกลงไปใต้ผิวหนัง
3. ลักษณะแผลเป็นที่มีการหดรั้งร่วมด้วย ซึ่งแผลเป็นชนิดนี้จะดึงรั้งอวัยวะบริเวณแผลให้ผิดรูปได้
แผลเป็นทั้ง 3 ลักษณะนี้อาจจะมีผิวสีซีดหรือผิวสีเข้มก็ได้
การป้องกัน
การป้องกันการเกิดแผลเป็น เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะการที่มีแผลใหม่ๆ เราจะเริ่มโดยการแนะนำให้ผู้ป่วยนวด หรือการกดบริเวณนั้นๆ โดยทั่วไปแล้วการนวดอย่างสม่ำเสมอในระยะประมาณ 3-6 เดือนแรกเป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะจะช่วยให้แผลเป็นนั้นลดการขยายตัวและนูนเกินได้ ในบางครั้งแผลเป็นที่มีขนาดใหญ่กว้าง เช่นแผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก อาจจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษ หรือผ้ารัด หรือ pressure garment ซึ่ง pressure garment นี้จะต้องสวมใส่เพื่อที่จะรัดบริเวณที่เกิดแผลเป็น เช่น ใบหน้า ลำตัว แขน ขา ในช่วงระยะประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปีแรกหลังจากที่ได้รับอุบัติเหตุ หรือว่าจะนวดสามารถลดการเกิดแผลเป็นได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นในช่วงระยะแรกที่แผลเป็นมีการอักเสบอยู่การนวดก็จะช่วยลดไม่ให้แผลเป็นมีการขยายใหญ่โตได้
การรักษา
การรักษาแผลเป็นที่เกิดขึ้นแล้ว จะแบ่งเป็น 4 วิธี คือ
วิธีที่1 คือวิธีอนุรักษ์ก่อน โดยส่วนใหญ่แล้วพบว่าเกิน 95% จะรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ควรใช้แผ่นซิลิโคนปิด ซึ่งแผ่นซิลิโคนนี้จะมีลักษณะเป็นแผ่นเจลใสๆ ที่ทำมาจากซิลิโคน เราสามารถปิดไว้บนบาดแผล หลังจากบาดแผลหายดีแล้วประมาณ 7 วัน การปิดแผลนี้แนะนำให้ปิดตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 เดือน ข้อดีจะทำให้บริเวณผิวหนังที่อยู่ใต้แผ่นซิลิโคนนี้มีความชุ่มชื้นมากขึ้นซึ่งจะทำให้ลดการอักเสบของแผลได้
วิธีที่2 เนื่องจากว่าบางครั้งเราพบว่าการปิดด้วยซิลิโคนอาจจะไม่สะดวกเท่าที่ควร การใช้แผ่นเทปเหนียวหรือ microporous tape ก็จะสามารถทดแทนได้เช่นเดียวกัน แผ่นเทปเหนียวนี้สามารถใช้ปิดลงบนบาดแผลได้โดยตรงและจะทำให้ผิวหนังบริเวณใต้เทปนี้มีความชุ่มชื้นมากทำให้มีการอักเสบลดน้อยลง
วิธีที่3 การฉีดด้วยยาสเตียรอยด์ ซึ่งจะลดการอักเสบของการเกิดเป็นแผลเป็นนูนเกิน คือคีลอยด์ได้ ยาที่แนะนำคือ Triamcinolone acetonide ซึ่งเป็นยาฉีดเฉพาะที่ สามารถลดการอักเสบ ซึ่งการฉีดยาเข้าไปในแผลเป็นโดยตรง อาจจะทำให้มีอาการเจ็บได้พอสมควรในขณะฉีดยา ขอแนะนำว่าควรฉีดยาที่แผลเป็นนี้ในช่วงระยะประมาณไม่เกิน 1 ปี แรกหลังจากได้รับบาดเจ็บฉีดประมาณเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งความถี่ในการฉีดขึ้นอยู่กับการตอบสนองของยาว่าจะมีผลเป็นอย่างไร
วิธีที่4 การผ่าตัดมีอยู่หลายวิธีขึ้นอยู่กับรูปแบบของแผลเป็นนั้น ถ้าเป็นกรณีที่เกิดเป็นแผลเป็นนูนเกิน หรือคีลอยด์ เราก็อาจจะใช้วิธีตัดออก หรือลดขนาดลงบางส่วน วิธีนี้อาจจะใช้ร่วมกับการรักษาโดยวิธีอื่น เช่น การฉีดยา หรือการปิดด้วยแผ่นซิลิโคนก็ได้ การผ่าตัดมีอยู่หลายวีธี อาจจะใช้วิธีตัดออกโดยตรงแล้วเย็บปิดเป็นเส้นตรง หรืออาจจะตัดออกเป็นรูปซิกแซก เพื่อให้แผลเป็นที่เกิดขึ้นใหม่มีลักษณะใกล้เคียงกับรอยย่นตามผิวหนังและการผ่าตัดอีกวิธีหนึ่งก็คือการลดขนาดของแผลเป็น วิธีนี้เราจะใช้วิธีการตัดแผลเป็นออกบ้างบางส่วน โดยจะไม่ตัดออกทั้งหมด หลังจากนั้นจะนัดผู้ป่วยมาเพื่อติดตามผลการรักษา หากแผลเป็นมีขนาดเล็กลงอาจจะนัดมาตัดซ้ำอีกครั้งเรียกว่าการตัดแบบทีละน้อย หรือวีธีการผ่าตัดอีกวิธีคือการใช้วิธีขัดกรอผิวหนัง ซึ่งการขัดกรอผิวหนังนี้จะใช้ในกรณีที่มีแผลเป็นที่รอยขรุขระหรือไม่เรียบหรือเป็นรอยบุ๋ม แผลเป็นนี้ส่วนใญ่มักจะเกิดจากสิวอักเสบหรือโรคสุกใส การใช้หัวกรอหรือใช้แสงเลเซอร์ยิงบริเวณที่เป็นรอยขรุขระนี้เพื่อจะปรับสภาพผิวให้ราบเรียบขึ้น แต่ข้อควรระวังคืออาจจะเกิดมีการเกิดผิวสีเข้มบริเวณนั้นได้
การรักษาแผลเป็นนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาดูว่าแผลเป็นนั้นเป็นแผลเป็นนูนชนิดใด หากเป็นแผลเป็นนูนเกินหรือคีลอยด์จะต้องพิจารณาการรักษาอย่างเหมาะสม มิฉะนั้นอาจจะมีแผลเป็นใหญ่โตเกินกว่าขนาดเดิมได้ โดยทั่วไปแล้วแผลเป็นมักจะสามารถป้องกันได้ ดังนั้นหากว่าเรารู้จักวิธีการดูแลรักษาภายหลังจากที่ได้รับแผลเป็นใหม่ๆ ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้แผลเป็นนั้นนูนเกินหรือเป็นคีลอยด์ได้ในอนาคตหากจะเกิดเป็นแผลขึ้นมา
…………………………..……………..