โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

                                                                                                                                                                                                                                                                                                   นายแพทย์ประสงค์  บุญรังสิมันตุ์

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกพบได้บ่อยเป็นอันดับสามของมะเร็งอวัยวะ สืบพันธ์สตรีในประเทศไทย  ซึ่งรองลงมาจากมะเร็งปากมดลูก  และมะเร็งรังไข่พบมากที่สุดในช่วงอายุ  50-59  ปี  และประมาณ  80%  จะพบในสตรีหลังวัยหมดประจำเดือน  ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกนั้นก็มีหลายปัจจัย  ได้แก่

– การกระตุ้นด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนนาน  โดยไม่มีโปรเจสเตอโรนมาต้านฤทธิ์  เช่น  สตรีที่มีภาวะมีบุตรยากที่ไม่มีการตกไข่นานๆ  จะมีการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่เรื่อยๆ  แต่ไม่มีโปรเจสเตอโรนมาต้านฤทธิ์ไว้

– ความอ้วน สตรีที่อ้วนก็จะมีการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้นจากบริเวณไขมันรอบนอก  และไม่ค่อยมีการตกไข่จึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกสูงขึ้น

– การให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน  การให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างเดียวในสตรีที่ยังมีมดลูกจะมีความเสี่ยงต่อมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเพิ่มขึ้น  ฉะนั้นการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทนในสตรีวัยทองที่ยังมีมดลูกอยู่  ควรให้เอสโตรเจนขนาดต่ำร่วมกับโปรเจสเตอโรนด้วย

– เบาหวาน  มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเพิ่มขึ้น  2.8  เท่า

– การได้รับยาบางชนิด  ก็จะมีความเสี่ยง  เช่น  ยา  Tamoxifen  พบว่ามีความเสี่ยงสูงถึง  2  เท่า

อาการ

อาการที่มักพบบ่อยที่สุด  คือ  จะมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดพบประมาณ  80-90%  เลือดที่ออกระหว่างประจำเดือนปริมาณของเลือดที่ออกอาจจะออกน้อยหรืออาจจะออกเป็นมูกปนเลือดก็ได้  และการมีเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกหลังวัยหมดประจำเดือนซึ่งพบว่าเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ถึง  15-25%  บางรายอาจจะมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วยก็ได้

การตรวจคัดกรองและการวินิจฉัย

ในปัจจุบันยังไม่มีการตรวจคัดกรองที่ดี  สำหรับมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกอย่างไรก็ตามวิธีการวินิจฉัยที่ดีที่สุดซึ่งจำเป็นจะต้องทำในสตรีที่มีประจำเดือนผิดปกติในสตรีใกล้หมดประจำเดือน  หรือวัยหมดประจำเดือนก็คือ  “การขูดมดลูกแบบแยกส่วน”  ซึ่งในการขูดมดลูกก็เพื่อให้ได้ชิ้นส่วนเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกแล้วนำมาตรวจหาพยาธิวิทยาเพื่อที่จะได้วินิจฉัยและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยในแต่รายต่อไป

การรักษา

1.การผ่าตัด โดยการผ่าตัดมดลูกและรังไข่ทั้ง 2 ข้างออก

2.การฉายรังสี

3.การใช้เคมีบำบัด

4.ใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น การฉายรังสีก่อนที่จะผ่าตัด

ท่านเคยได้รับการตรวจภายใน  และตรวจหามะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกหรือยัง?

………………………………………………