โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

               ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ในปัจจุบันมีนิยามตรงๆ ว่า เป็นภาวะที่อวัยวะเพศชายแข็งตัวไม่พอที่จะสอดใส่เพื่อมีเพศสัมพันธ์ได้ อาจหมายถึงสอดใส่ได้ แต่ไม่สร้างความพึงพอใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่  พบเจอได้ในผู้ชายทุกคน โดยเฉพาะในวัยที่อายุเกิน 50 ปี ขึ้นไป พบมากเกือบ 50% หลายคนคิดว่าแก่แล้วก็ควรไปเข้าวัดทำจิตใจให้สงบ  แต่ความเป็นจริงแล้ว การหย่อนสมรรถภาพทางเพศอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายต่างๆ ได้แก่  โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต  โรคอ้วน โรคตับ ภาวะฮอร์โมนเพศต่ำในผู้สูงอายุ   โรคไทรอยด์  มะเร็งต่างๆ ซึ่งคนปกติก็จะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ถ้าเรามีปัญหาเรื่องนี้ ก็แปลว่าร่างกายเราน่าจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ

               โดยปกติแล้วอวัยวะเพศชายจะมีการแข็งตัวเมื่อเริ่มเกิดจินตนาการทางเพศ หรืออวัยวะเพศถูกสัมผัสโดยตรง สมองจะสั่งการผ่านเส้นประสาท เลือดจะถูกสูบฉีดเข้าไปในอวัยวะเพศเพิ่มขึ้น เมื่อเลือดเข้าไปเต็มอวัยวะเพศแล้ว กล้ามเนื้อเรียบบริเวณอวัยวะเพศจะเกิดการคลายตัวแผ่ออกไปกดเส้นเลือดดำเพื่อไม่ให้เลือดไหลกลับ รักษาความเต่งตึงของอวัยวะเพศเอาไว้  ถ้าหากว่าไม่แข็งตัวจะมีสาเหตุมาจากการขาดจินตนาการซึ่งเป็นผลจากการขาดฮอร์โมน สมองสั่งการไม่ดี เส้นเลือด เส้นประสาทไม่ดี ตัวอวัยวะเพศเองมีปัญหา ซึ่งสาเหตุแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป และต่อไปนี้เพื่อสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน ผมจะขอตอบคำถามที่มีผู้สนใจส่งเข้ามาถามกันเป็นจำนวนมาก 

 

ถาม   :   คนอายุ 30 ปี หย่อนสมรรถภาพทางเพศ  กำลังจะเป็นโรคหัวใจในอีกห้าปีข้างหน้า จริงหรือเปล่า ? 

ตอบ   สาเหตุที่คนอายุน้อยเกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้นแตกต่างจากคนที่อายุมากครับร้อยละ 90  ของการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของคนอายุน้อยมาจากภาวะทางจิตใจทั้งนั้น ไม่ใช่โรคจิตนะครับ แต่อาจจะมีความเครียด ความกังวล ความรู้สึกผิด ปัญหาความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ หรืออาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอ สังเกตง่ายๆ คนเหล่านี้จะยังมีการแข็งตัวของอวัยวะเพศตอนเช้าอยู่ ซึ่งแตกต่างจาก คนอายุมากการแข็งตัวของอวัยวะเพศก็หายไปด้วย สรุปว่าจะไม่เป็นโรคหัวใจครับ อาการเหล่านี้ มักคงอยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราว และจะหายไปได้เองเมื่อจิตใจเข้าสู่สภาวะปกติครับ

 

ถาม   :   คนอายุ 50 บอกว่าถ้าอวัยวะเพศไม่แข็งตัวก็ไปหายามากินก็จบแล้ว จริงหรือไม่ ? 

ตอบ   :   ไม่จบแน่นอนครับ อย่างที่บอกว่าถ้าเราแข็งแรงจริง เราจะไม่เจอปัญหาเรื่องหย่อนสมรรถภาพทางเพศ 

ควรมาพบแพทย์เพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เพื่อให้การรักษาที่ถูกต้องตามสาเหตุจะดีที่สุดครับ   ยาไวอากร้าไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างครับ แต่ถ้าเรารักษาที่ต้นเหตุแล้วอาจไม่จำเป็นต้องใช้ยากลุ่มนี้ก็ได้นะครับ

 

ถาม   :   ยาไวอากร้า คืออะไร น่ากลัวจริงหรือไม่? 

ตอบ   :   ยาไวอากร้า หรือ Sildenefil จริงๆ มียาในกลุ่มนี้อีกอย่างน้อยสองถึงสามตัว ผลโดยรวมจะออกฤทธิ์ 

ผ่านสาร Nitric oxide ทำให้กล้ามเนื้อเรียบบริเวณอวัยวะเพศคลายตัว ทำให้เลือดยังคงอยู่ในองคชาติ คงความแข็งให้กับอวัยวะเพศถามว่าน่ากลัวไหม คงต้องตอบว่าน่ากลัวถ้าไปซื้อมากินเอง สาร Nitric oxide ไม่ได้คลายกล้ามเนื้อแค่บริเวณอวัยวะเพศ แต่อาจจะไปคลายเส้นเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ บางคนที่หัวใจทำงานปิ่มๆ อยู่แล้ว คนไข้อาจไม่รู้ตัว เมื่อได้รับยากลุ่มนี้เข้าไปอาจจะทำให้หัวใจทำงานไม่พอ เกิดความดันโลหิตต่ำ หัวใจขาดเลือด เสียชีวิตได้ หรือที่เรียกว่าตายคาอก ซึ่งปัญหานี้จะเกิดน้อยมาก หากมาพบแพทย์เฉพาะทางก่อน แพทย์จะประเมินความเสี่ยงของการเกิดหัวใจขาดเลือดก่อนเสมอ หากมีความเสี่ยงปานกลางถึงสูง แพทย์จะยังไม่สั่งยาเหล่านี้ให้ จะให้คนไข้ไปรักษาโรคหัวใจให้ดีก่อน เมื่อใดที่ประเมินแล้วความเสี่ยงต่ำ จึงกล้าสั่งให้รายละเอียดวิธีใช้ยาซึ่งค่อนข้างจะมีรายละเอียดมาก การใช้ยาอย่างไม่ได้ศึกษา อาจจะทำให้     ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ หรืออาจเกิดผลเสียต่อร่างกายได้ครับ

 

ถาม   :   ยุคนี้มียาเสริมพลังทางเพศขายกันเกลื่อน มีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง ? 

ตอบ   :   ปัจจุบัน ยังไม่มีงานวิจัยที่ดีพอจะสนับสนุนเรื่องสมุนไพร การรักษาหลักของการหย่อนสมรรถภาพ 

ทางเพศยังคงเป็นการค้นหาความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคทางอายุรกรรมอื่นๆ ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินชีวิต และยาที่ได้ผลดีที่สุดที่จะช่วยกู้สมรรถภาพทางเพศยังคงเป็นยากลุ่มไวอากร้า ทั้งนี้ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ครับเนื่องจากเราไม่มีทางรู้ส่วนผสม      ที่แน่นอนในยาเสริมพลังต่างๆ ผมคิดว่าไม่คุ้มค่าที่จะเอาชีวิตไปเป็นหนูทดลองในสิ่งที่ไม่ได้มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ดีๆ รองรับนะครับ

 

ถาม   :   จริงหรือไม่ที่ว่ายาไวอากร้าปลอมก็มี ? 

ตอบ   :   มีครับ และเยอะด้วย มีคนสุ่มตัวอย่างไปตรวจ พบว่าตัวยา Sildenefil ที่ใส่มา แต่ละเม็ดนั้น บางเม็ด 

ก็มาก บางเม็ดก็น้อย ซึ่งหากได้รับปริมาณมากเกินไปอาจเกิดอันตรายถึงชีวิต และบางยี่ห้อมีการ เจือปนของสารพิษก่อมะเร็งอีกต่างหาก ฉะนั้นให้แพทย์เป็นผู้สั่งยาให้ท่านจะดีกว่านะครับ

 

ถาม   :   ฮอร์โมนก็มีส่วนทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพทางเพศด้วย ?   

ตอบ   :   แน่นอนครับ แรงขับทางเพศของผู้ชายดำเนินไปด้วยฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเตอโรน 

ซึ่งหากเมื่อแก่ตัวลง ฮอร์โมนเหล่านี้ก็ลดลงตามไป เมื่อลดถึงจุดหนึ่ง อาจไม่เพียงพอทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ หรือถ้าลดลงมากๆ อาจหมดความสนใจทางเพศไปเลย ซึ่งนอกจากเรื่องเพศแล้วคนไข้เหล่านี้อาจมีอาการซึมเศร้า หลงๆ ลืมๆ หมดเรี่ยวแรง ขี้หงุดหงิด เบื่อโลก ที่บางทีเรียกว่าผู้ชายวัยทองน่ะครับ ซึ่งถ้าเราตรวจพบระดับฮอร์โมนที่ต่ำร่วมกับอาการดังกล่าว เราสามารถแก้ไขภาวะเหล่านี้ได้โดยการให้ฮอร์โมนเสริม ซึ่งพบว่าอาการต่างๆ ที่ว่ามารวมทั้งสมรรถภาพทางเพศ    ดีขึ้น อีกทั้งยังมีกล้ามเนื้อ และรูปร่างที่เหมือนหนุ่มๆ มากขึ้นด้วยครับ แต่ขอย้ำว่าต้องให้แพทย์เฉพาะทางเป็นผู้วินิจฉัยและทำการรักษานะครับ

 

ถาม   :   ภาวะหลั่งเร็ว หรือนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ นี่ใช่การหย่อนสมรรถภาพทางเพศด้วยหรือไม่? 

ตอบ   :   เป็นคนละภาวะกันนะครับ แต่อาจพบร่วมกันได้  หรือการหย่อนสมรรถภาพทางเพศอาจเป็นสาเหตุ 

ที่ทำให้หลั่งเร็วได้การรักษานั้นหากมีแค่ภาวะหลั่งเร็วอย่างเดียว ปัจจุบันมียาที่ออกแบบมารักษาภาวะนี้โดยตรง เพื่อช่วยยืดการหลั่งออกไปได้หลายเท่า ภาวะหลั่งเร็วอย่างเดียวไม่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจนะครับ จะรักษาหรือไม่ก็ได้ แล้วแต่ความพึงพอใจ แต่ถ้ามีการหย่อนสมรรถภาพทางเพศร่วมด้วย อันนี้เกี่ยวข้องแน่นอน ต้องมารับการตรวจและค้นหาความเสี่ยงโรคหัวใจครับ

 

               ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นภาวะที่รักษาให้หายได้ และไม่ได้จบลงแค่ยาไวอากร้าเท่านั้น โรคร้ายต่างๆ รอเราอยู่หากไม่ทำการค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งการรักษามีทั้งการพูดคุย เพื่อปรับเปลี่ยน  วิถีการดำเนินชีวิต   ให้ยาเพื่อรักษาโรคทางอายุรกรรม   ให้ยาเพื่อรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพโดยตรง   หรืออาจจะต้องผ่าตัดรักษาถ้าเราเกิดภาวะนี้ ควรจะเข้าไปคุยกับแพทย์เฉพาะทางโดยตรง  ไม่ควรจะอาย เพราะการอายจะทำให้เราเสียโอกาสในการรักษาและป้องกันโรคที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตในอนาคต  หลายๆ  คนหาวิธีรักษาเอง ซึ่งยาหนึ่งตัวไม่ได้ใช้ได้กับทุกคน  และยาที่ขายกันตามท้องตลาดบางตัวก็หลอกลวง  หรือทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย นอกจากจะไม่ทำให้การหย่อนสมรรถภาพทางเพศหายแล้วยังจะทำให้สุขภาพแย่ลงไปอีกนะครับ  ทางที่ดีที่สุดผมขอแนะนำให้มาพบและปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง 

…………………………………………………